รากเลี้ยงต้นไม้ ปาก – ท้อง – ไส้ เลี้ยงชีวิตมนุษย์
ระบบทางเดินอาหาร เปรียบเสมือนรากพืชซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารและน้ำจากดินขึ้นมาเลี้ยงต้นไม้ ความสมบูรณ์ของต้นไม้จึงขึ้นอยู่กับระบบรากที่แข็งแรง ถ้ารากอ่อนแอ ต้นไม้นั้นจะอ่อนแอไปด้วย คนเราก็เช่นกัน คนที่มีระบบทางเดินอาหารที่ดีย่อมมีสุขภาพแข็งแรงต่างจากคนที่ท้องไส้ อ่อนแอ ทำให่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ตับ หัวใจ ไต ปอด สมองและอวัยวะต่างๆ ก็จะทำงานบกพร่อง นานๆ ไปก็จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา นอกจากนี้แทนที่อาหารจะถูกย่อยและดูดซึมอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะกลายเป็นสิ่งบูดเน่า เป็นสารพิษที่ทำลายระบบทางเดินอาหาร และเมื่อถูกดูดซึมเข้าไปก็จะเป็นพิษภัยต่อทุกระบบในร่างกาย
ปาก ท้อง ไส้ กลไกมหัศจรรย์ของชีวิต
ร่างกายของมนุษย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่มีการทำงานซับซ้อนและประสานสัมพันธ์กัน เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เปรียบเสมือน “จักรกลที่สมบูรณ์แบบ” ระบบทางเดินอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์นั้น ระบบทางเดินอาหารมีลักษณะเป็นท่อยาวที่ประกอบด้วยชิ้นกล้ามเนื้อมากมายและมีต่อมต่างๆ ฝังตัวอยู่ในผนัง ภายในระบบทางเดินอาหารมีอวัยวะหลายส่วนที่เกี่ยวข้องและทำงานประสานกันอย่างดี ได้แก่ ปาก – หลอดอาหาร – กระเพาะ อาหาร – ลำไส้เล็ก – ลำไส้ใหญ่ – ทวารหนัก และมีอวัยวะอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อมต่อกับระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ถุงน้ำดี – ตับ – ตับอ่อน หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งที่ว่ามานี้ จะส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติ และทำให้คนเราเจ็บป่วยได้
กลืนกิน ย่อยขนาด ดูดซึม ขับถ่าย
การแปลงอาหารที่เข้าสู่ร่างกายให้เป็นพลังงานและสารอาหารหล่อเลี้ยงชีวิต จะต้องผ่านกระบวนการตั้งแต่การกลืนกิน ย่อยขนาดดูดซึม และขับของเสียออกจากร่างกาย แต่ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถทำงานได้ตามลำพัง การลำเลียงอาหารไปเป็นทอดๆ การย่อยและดูดซึม และการขับถ่ายนี้ จะทำงานประสานกันได้ ต้องอาศัยระบบประสาทและระบบฮอร์โมนเป็นตัวควบคุม ระบบประสาทจะช่วยขับเคลื่อนอาหารโดยอาศัยกลไกลการบีบและคลายกล้ามเนื้อ (peristalsis) ของอวัยวะต่างๆ ในระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งระบบหูรูดที่ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ส่วนระบบฮอร์โมนจะกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยและเอนไซม์หากสองระบบนี้มีปัญหาจะส่งผลให้การหดและคลายตัวของลำไส้กระบวนการดูดซึมและการหลั่งน้ำย่อยผิดปกติ เกิดเป็นโรคระบบทางเดินอาหารต่างๆ เช่น โรคกรดไหลย้อนเกิดจากระบบการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดไม่เป็นปกติ เป็นต้น
น้ำย่อย สำคัญไม่ใช่ย่อย
จะว่าไปแล้วหน้าที่หลักของระบบปาก ท้อง ไส้ คือ การย่อยอาหารให้สามารถดูดซึมได้ ถ้าระบบนี้ทำงานผิดปกติแม้จะกินอาหารดีมีประโยชน์สักปานใดก็ไม่มีประโยชน์ การย่อยเริ่มตั้งแต่ในปาก ซึ่งกลิ่นของอาหารจะกระตุ้นให้มีการหลั่งน้ำลายเพื่อเตรียมการย่อย นั่นอธิบายว่าทำไม่เราจึงน้ำลายสอ เมื่อเห็นอาหารอยู่ตรงหน้า ในน้ำลายจะมีเอนไซม์อะไมเลสซึ่งทำหน้าที่ย่อยแป้ง เราจึงต้องเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อย่อยขนาดของอาหารให้เล็กลงและย่อยแป้งให้ได้มากที่สุด เช่น กล้วยซึ่งเป็นผลไม้ที่มีแป้งหรือ คาร์โบไฮเดรตในปริมาณมากเวลากินควรเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อให้แป้งถูกย่อยไประดับหนึ่ง มิฉะนั้นจะทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักและท้องอืดได้
หลังจากผ่านการเคี้ยว อาหารจะเคลื่อนลงมาสู่กระเพาะอาหารซึ่งทำหน้าที่คล้ายเครื่องปั่นขนาดใหญ่ โดยหลั่งน้ำย่อย คือ เพปซินซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยโปรตีน และกรดไฮโดรคลอลิกหรือกรดเกลือ ออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร เพื่อให้อาหารแตกย่อยลงจนมีขนาดเล็กพอที่ผ่านเข้าสู่ลำไส้เล็ก กรดเกลือมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงทำให้อาหารอ่อนนุ่มและฆ่าเชื้อโรค แต่ผนังกระเพาะอาหารจะหลั่งเมือกออกมาเคลือบผิวเพื่อป้องกันอวัยวะไม่ให้กรดเกลือกัดกร่อนได้
อาหารที่ส่งมาจากกระเพาะจะถูกย่อยต่อในลำไส้เล็ก ซึ่งจะมีการหลั่งเอนไซม์หลายชนิด บางส่วนมาจากต่อมในผนังของลำไส้เล็กเองบางส่วนมาจากตับอ่อน และมีน้ำดีที่สร้างจากตับ (ถุงน้ำดี) มาช่วยทำให้ไขมันย่อยง่ายขึ้น การหลั่งของน้ำย่อยและเอนไซม์เหล่านี้ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนที่ถูกสร้างขึ้นเป็นผนังกระเพาะอาหารและลำไส้อีกทีหนึ่ง ฮอร์โมนเหล่านี้ยังควบคุมการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ตลอดจนการบีบตัวของถุงน้ำดีอีกด้วย
ย่อยได้ ดูดซึมดี ถึงจะมีสุขภาพ
เมื่อการย่อยอาหารเสร็จสมบูรณ์ในลำไส้เล็กแล้ว สารอาหาร น้ำ วิตามินและแร่ธาตุ จะถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ ผนังของลำไส้มีลักษณะหยักพับ และมีปุ่มยื่นเล็กๆ มากมายเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึม โดยผนังชั้นในจะหนาจะมีเยื่อเมือกเพื่อทำหน้าที่ทั้งส่งผ่านสารอาหารและป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคและสารพิษผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ผนังลำไส้ส่วนนี้จะหลุดลอกและสร้างใหม่ทุก 3-5 วัน หากเกิดการอักเสบของลำไส้ จะทำให้ผนังหลุดออกเร็วจนร่างกายไม่สามารถสร้างเมือกที่หล่อลื่นได้ จะทำให้มีปัญหาในการดูดซึมอาหารและอาจมีสารพิษหลุดรอดเข้าสู่กระแสเลือดได้
อุจจาระ ขับขยะลดภาระให้ร่างกาย
การขับถ่ายเป็นขั้นตอนต่อเนื่องจากกระบวนการย่อยและดูดซึม เมื่อร่างกายเลือกดูดซึมสารต่างๆ เข้ากระแสเลือดแล้ว เศษตกค้างหรือกากอาหารที่เป็นเส้นใยจะเคลื่อนผ่านออกสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นทำหน้าที่ดูดน้ำและเกลือแร่ที่ยังหลงเหลืออยู่ออกจากกากอาหาร ลำไส้ใหญ่ส่วนหลังจะเป้นที่พักกากอาหาร และมีการขับเมือกออกมาหล่อลื่นให้อุจจาระเคลื่อนไปยังทวารหนักได้ง่าย เมื่อกากอาหารมารวมกันมากพออยากถ่ายอุจจาระ ต้องหาทางเข้าห้องน้ำ แต่ร่างกายเองก็มีกลไกลชะลอเวลา โดยทวารหนักมีกล้ามเนื้อหูรูดคอยควบคุมอยู่ ช่วยให้กลั้นอุจจาระได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้ากลั้นไว้นาน จะทำให้ของเสียหมักหมมเกิดสารพิษขึ้นมีการดูดน้ำกลับจนอุจจาระแข็ง ถ่ายลำบาก เกิดการท้องผูก เป็นโรคริดสีดวง และอาจรวมไปถึงโอกาสที่จะเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
สมองและหัวใจของท้องไส้
การที่ปาก ท้อง ไส้ มีความสำคัญต่อระบบอื่นๆ ในร่างกาย ในขณะเดียวกันก็เปิดรับอาหารต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย สัมผัสกับทั้งความร้อน ความเย็น ความเป็นกรดความเป้นต่าง สารพิษ และเชื้อโรค ธรรมชาติ จึงสร้างระบบเตือนภัยและกลไกให้ระบบทางเดินอาหารมีความไวต่อสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตราย และสามารถตอบสนองได้อย่างฉับพลัน เช่น เมื่อสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ก็จะรีบขับออกด้วยการอาเจียนหรือ ถึงแม้ว่าระบบทางเดินอาหารจะอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง อันประกอบไปด้วยสมองและไขสันหลัง เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ แต่ที่น่าทึ่งคือ พบว่าเซลล์ประสาทกว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายรวมกันอยู่ที่นี่ และมีสารสื่อประสาทที่พบในสมองอยู่ด้วย หรืออักนัยหนึ่งท้องไส้ก็มีสมองของมันเอง มีการพบว่า เมื่อระบบประสาทส่วนกลางสั่งให้กล้ามเนื้อลำไส้บีบและคลายตัวเป็นระลอกเพื่อลำเลียงอาหาร สมองของท้องก็ทำหน้าที่กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยเมื่ออาหารผ่านเข้ามา และกระตุ้นการตอบสนองเมื่อพบความผิดปกติ
การที่มีเซลล์ประสาทและสารสื่อประสาทจำนวนมากชุมนุมกันอยู่ทำให้ท้องไส้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอารมณ์ ความรู้สึก ความเครียด ความวิตกกังวล มากกว่าอวัยวะอื่นๆ ดังเช่นที่พูดกันว่า ความเครียดลงกระเพาะ นั่นคือ เมื่อเกิดภาวะเครียดหรือกดดัน อาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ปวดท้องก็จะตามมา หากร่างกายอยู่ในภาวะนั้นเป็นเวลานานก็อาจลุกลามเกิดเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้ ดังนั้นการรักษาโรคของท้องไส้และแก้ด้วยการรักษาเฉพาะอาการอย่างเดียวไม่ได้ เพราะอาจมีสาเหตุหลักมาจากความเครียดก็ได้
ข้อมูลจากหนังสือบันทึกแผ่นดิน 6 สมุนไพรท้องไส้ในวิถี ASEAN อภัยภูเบศร
