วันนี้มีบทความดี ๆ จากเพจสมุนไพรอภัยภูเบศร ครบคำตอบเรื่องน้ำมันรำข้าว ขอบคุณเพจสมุนไพรอภัยภูเบศร และ ข้อมูลคำตอบจาก ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ
น้ำมันรำข้าวกินร่วมกับยาแอสไพรินได้มั้ย?
ผู้ถาม : พยาบาลวัยเกษียณ จังหวัดชลบุรี อายุ 71 ปี
กินน้ำมันรำข้าวมาประมาณ 7 กระปุก โดยกิน 3-4 เดือน หยุด 2 เดือน ต่อมากิน 2 เดือน หยุด 1 เดือน วันละ 2 เม็ดหลังอาหารเช้า ต่อมาเปลี่ยนมากินหลังอาหารเย็น
ผลที่เห็นได้จากการกินน้ำมันรำข้าวคือ
1. นอนหลับได้สนิทขึ้นกว่าปกติ
2. ที่เห็นได้ชัดๆ เลย ค่าไขมันตัวดี HDL เพิ่มขึ้น จาก 35 เป็น 48 หลังจากกินต่อเนื่องมา 4-5 กระปุก
ส่วนเรื่อง LDL อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่แล้ว เนื่องจากกินยาลดไขมันร่วมด้วย
ผู้ถามเล่าว่าตนเองมีค่า HDL ต่ำมาตลอดตั้งแต่สมัยยังทำงานเป็นพยาบาล พยายามทำทุกวิถีทางทั้งกินปลาทะเลบ่อยๆ ออกกำลังกาย คุมอาหาร กินยาลดไขมัน แต่ HDL ไม่เคยเพิ่มเลย จนกระทั่งมาเห็นผลจากการกินน้ำมันรำข้าวร่วมด้วย
คำตอบ โดย ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ
ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
-- สามารถกินน้ำมันรำข้าวได้ หากกินแอสไพรินอยู่
-- แต่ไม่แนะนำให้กินน้ำมันรำข้าว หากกินยาวาร์ฟารินอยู่ หากจะกิน ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น !!! ⚠️ และไม่ควรกินๆหยุดๆ เนื่องจากอาจทำให้ระดับยาในเลือดแกว่ง ยากต่อการปรับยา
*** น้ำมันรำข้าว มีฤทธิ์คล้ายแอสไพริน คือต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด จึงอาจเสริมฤทธิ์ยาแอสไพรินได้ แต่ไม่ได้มีฤทธิ์แรง ไม่สามารถใช้แทนยาแอสไพรินได้ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อกินร่วมกันคือ หากเกิดบาดแผล หรือมีการผ่าตัด อาจทำให้เลือดหยุดไหลช้า ดังนั้น ควรหยุดน้ำมันรำข้าวรวมถึงยาแอสไพรินก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน หรือตามแพทย์สั่ง
*** จะมียาอีกตัวหนึ่งชื่อวาร์ฟาริน เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งมีความเคร่งครัดในการรับประทานยา ไม่ควรกินยา สมุนไพร วิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใดๆ ร่วมกับยาวาร์ฟาริน โดยไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจเกิดอันตรกิริยาระหว่างยา ส่งผลให้ระดับยาวาร์ฟารินเปลี่ยนแปลง คือ ระดับยาวาร์ฟารินอาจลดลงจนไม่เห็นผลการรักษา ไม่สามารถคุมโรคได้ หรือโรคกำเริบ หรือระดับยาวาร์ฟารินอาจเพิ่มจนเกิดความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก เช่น ใต้ผิวหนัง เกิดเป็นจ้ำๆ ช้ำๆ โดยที่ไม่ได้ไปชนอะไรมา หรือเกิดเลือดออกที่อวัยวะภายใน เช่น ทางเดินอาหาร
*** เอ็ชดีแอล (HDL)
ในทางการแพทย์จัดเป็นไขมันตัวดี ที่ช่วยทำหน้าที่ในการขจัดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดีที่เกาะอยู่ตามหลอดเลือดเพื่อนำมาทำลายที่ตับ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ในผู้ชายควรมีค่า HDL มากกว่า 40mg/dl ในผู้หญิงควรมีค่า HDL มากกว่า 50 mg/dl
*** แนวทางการเพิ่ม HDL
1. กินไขมันดี ในปริมาณที่เหมาะสม (ไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 30 กรัมต่อวัน) พบในน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่ว กินอาหารเส้นใย ผักชนิดต่างๆ เป็นประจำ
---- หลีกเลี่ยงไขมันเลว พวกไขมันทรานส์
เช่น อาหารกลุ่มเบเกอรี่ เช่น คุกกี้ เค้ก โดนัท แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ พาย พัฟ เวเฟอร์
อาหารกลุ่มขนมอบ เช่น ข้าวโพดอบกรอบ ขนมเปี๊ยะ เวเฟอร์แครกเกอร์ อาหารทอด เช่น หมู/ไก่ทอด เต้าหู้ทอด ลูกชิ้นทอด กล้วยฉาบ ปาท่องโก๋ อาหารกลุ่มไขมันและผลิตภัณฑ์ เช่น เนยเทียม (มาการีน) เนยขาว
2. รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
3. ไม่สูบบุหรี่ (ไม่สัมผัสควันบุหรี่มือสอง) ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ในระดับความแรงปานกลางถึงมาก
---กิจกรรมทางกายรุนแรง (Vigorous physical activity) หมายถึง คือการออกกำลังกายที่ อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 70-80 % ของอัตราการเต้นสูงสุด เป็นกิจกรรมทางกายที่ใช้กล้ามเนื้อ มัดใหญ่ๆ ทำงานซ้ำๆต่อเนื่องเป็นจังหวะ เช่น การวิ่งเหยาะ, การวิ่ง, การว่ายน้ำกำหนดระยะทาง, การปั่นจักรยาน, การเต้นแอโรบิก, การวิ่งสเกต, การกรรเชียงเรือ, การเล่นสกี ,การตีเทนนิส/แบดมินตัน/สควอช, การเล่นฟุตบอล, การเล่นบาสเกตบอล
---กิจกรรมทางกายระดับปานกลาง (Moderate physical activity) หมายถึง คือการออกกำลังกายที่ อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 60-70 % ของอัตราการเต้นสูงสุด เป็นการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทำงานเทียบอย่างน้อยเท่ากับการเดินเร็วๆ เช่น การว่ายน้ำ, การขี่จักรยาน, การเต้นรำ, การทำงานบ้าน , งานสวน, งานสนาม, งานอาชีพบางประเภท
*** อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด จะมีสูตรคำนวณตามอายุคือ เท่ากับ 220-อายุ(ปี)
เช่น อายุ 60 ปี อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดอยู่ที่ 220-60 = 160 ครั้งต่อนาที
70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดจะอยู่ที่ 70/100x 160 = 113 ครั้งต่อนาที
*** ยาบางชนิดอาจมีผลลด HDL เช่น
- ยาลดการเต้นของหัวใจ กลุ่ม Beta blockers
- ฮอร์โมนเพศชาย testosterone, Anabolic steroids
- ฮอร์โมนเพศหญิง Progestins
- ยานอนหลับกลุ่ม Benzodiazepines เช่น diazepam, lorazepam
งานวิจัยรำข้าวลดไขมันตัวร้าย เพิ่มไขมันตัวดี
มีงานวิจัยร่วมกันของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ภาควิชาโภชนาการของอิหร่านและโรงเรียนจอนส์ ฮอปกินส์ การสาธารณสุขของอเมริกา ตีพิมพ์เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.2016 รวบรวมงานวิจัยในมนุษย์ของน้ำมันรำข้าวกับผลในการลดไขมันในเลือดกว่า 415 งานวิจัย คัดเหลือ 11 งานวิจัยแบบ randomized controlled trial (RCT) ซึ่งเป็นวิธีการศึกษาที่ประเมินประสิทธิภาพของการรักษาที่ให้ intervention เปรียบเทียบกับการรักษามาตรฐานหรือการรักษาในกลุ่มควบคุม โดยมีการควบคุมปัจจัยอย่างอื่นที่เท่าเทียมกันทั้งสองกลุ่ม แล้วนำงานวิจัยทั้งหมดมาวิเคราะห์เกิดเป็นงานวิจัยแบบการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (systematic reviews) และการวิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิชาการที่น่าเชื่อถือทางการแพทย์ พบว่าน้ำมันรำข้าวมีผลลดไขมันตัวร้ายได้เฉลี่ย 6.91 mg/dl ลดโคเลสเตอรอลรวมได้เฉลี่ย 12.65 mg/dl และเพิ่มไขมันตัวดี HDL-C 6.65 mg/dl (ผลชัดเจนในการเพิ่มไขมันตัวดีพบในเพศชาย) และนำไปสู่การป้องกันและควบคุมโรคหัวใจและหลอดเลือด
ถึงแม้น้ำมันรำข้าวจะมีงานวิจัยว่าช่วยลดไขมันตัวร้าย เพิ่มไขมันตัวดีได้ แต่อย่าลืมว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปด้วย
แหล่งอ้างอิง
- Jolfaie N. R., et al. Rice Bran Oil Decreases Total and LDL Cholesterol in Humans: A Systematic Review and Meta-Analysis of Randomized Controlled Clinical Trials. Horm Metab Res 2016; 48(07): 417-426
- https://medlineplus.gov/hdlthegoodcholesterol.html
- http://www.dms.moph.go.th/dmsweb/cpgcorner/heartex.pdf
- https://www.cardiosmart.org/…/Documents/Fac…/en/abk5262.ashx
- http://nutrition.anamai.moph.go.th/…/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%…